ขอเริ่มต้นแบบรวบรัดและไม่อายว่า วัยเด็ก-วัยรุ่นของผม มีปมกับการที่ต้องอยู่ในกรอบมาก จึงเป็นช่วงชีวิตที่ใฝ่หาคำว่า “อิสระ” อิสระที่จะทำในสิ่งต่าง ๆ ไปไหน, กินอะไร, แต่งตัวอย่างไร บนความคิดที่ไม่เดือดร้อนใครก็พอ ดังนั้นอะไรที่เป็น “ระเบียบ” และ “วินัย” มันไม่ใกล้เคียงกับคำว่า “อิสระ” เอาเสียเลย เรื่องระเบียบวินัยไม่เพียงไม่ชอบ แต่รู้สึกว่ามันดู “โง่” และ “ยึดติด” เลยทีเดียวในตอนนั้น
นอกจากปมด้อยทางใจแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้คิดเช่นนั้นก็คงจะเป็น “ความรับผิดชอบอันน้อยนิด” ของวัย ที่การคิดแค่ “ไม่เดือดร้อนใคร” นั้นดีพอแล้ว เพราะมันมองแค่ เราไปยุ่งกับคนอื่นไหม? เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่มุมคิดที่แย่นัก แต่เพราะเราไม่ต้องตระหนักหรือรับผิดชอบหลายเรื่องเหมือนวัยทำงาน เช่น เรื่องการงาน, เรื่องความมั่นคงทางการเงิน, เรื่องครอบครัวทั้งวันนี้ และในอนาคต เราจึงไม่มีเรื่องให้คิด และตัดสินใจอะไร นอกจากเรื่อง “ตัวเอง” แม้กระทั่งบ้านที่เราอยู่ เราก็อยู่ได้ใน “มุม” ของเรา ทรัพย์สินหรือเครื่องใช้ต่าง ๆ แน่นอนเราไม่มีอะไรต้องดูแลมากนัก ความรับผิดชอบอันน้อยนิดจึงมีมิติการตัดสินใจหลายเรื่องที่แคบไป และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบ ระเบียบอะไรเพราะชีวิตที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เรียบง่ายได้ไม่ยาก…เมื่อเติบโตมากขึ้น ผ่านเรื่องราวมามากขึ้น แน่นอนก็ยังมีหลายคนปัจจุบัน ชีวิตก็ยังคงไร้ระเบียบ ไร้วินัย และอยู่ไปวัน ๆ บางคนก็ไม่เดือดร้อนบนแนวคิด มีก็ทำ หิวก็กิน บางเรื่องต้องทน และความลำบากแก้ไขด้วยการบ่น ซึ่งมันก็สะท้อนไปที่เรื่องเดิม “ไม่ได้คิดรับผิดชอบอะไรมากขึ้น” หรือต่อให้คิดก็ “รับผิดชอบอะไรไม่ได้” ก็ไม่ต่างกัน
โดยส่วนตัว (เรื่องนี้เป็นการเล่าสู่) หลังจากผ่านความวุ่นวาย ยุ่งยากในชีวิตมามากกลายเป็นพบว่า หากเพียงมีระเบียบ อันหมายถึงจัดลำดับ, ให้ความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นและดีขึ้น แน่นอนนั่นคือ “การวางแผน” ที่เดิมทีมองว่า ต้องมานั่งคิดนั่งจัดการให้มัน “ยุ่งยาก” ไปก่อนทำไม? แต่จุดหนึ่งพบว่ามันกลายเป็นว่าที่จริงมันทำให้เราง่ายขึ้น ตัวอย่างง่าย ๆ ของวัยทำงาน การที่ต้องพยายามแต่งตัวให้ดูดี เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลาคิด เสียเวลาในทุกเช้า/ค่ำ เพื่อเตรียม รีด หรือเลือกว่าชุดไหนดีที่ต้องไปทำงาน หรือลึกซึ้งอีกหน่อย หากใส่ชุดที่ไม่มั่นใจ ภายใต้จิตใจแบบนั้นก็เป็นวันที่ความคิดการสร้างสรรค์ย่อมเทียบไม่ได้กับวันที่เรามีความมั่นใจ ผมจึงเคยเลือกซื้อเสื้อมาเป็นยูนิฟอร์มให้ตัวเอง เพราะจะได้หมดปัญหาเหล่านี้ไป (ที่ทำงานตอนนั้นไม่มีชุดประจำ(ยูนิฟอร์ม), ไม่มีนโยบาย) แน่นอนว่าไม่มีใครห้าม และมีบางคนเริ่มทำตามแต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ เพราะประโยชน์เกิดขึ้นกับเราโดยตรง ในตอนนั้นคนที่เขาสนุกกับการแต่งตัวทุกวัน เราผุ้เคยรักอิสระย่อมไม่ร้อนใจ และปล่อยมันเป็นเรื่องของเขา เงินเขา… ส่วนเราสร้างระเบียบให้ตัวเองและชีวิตง่ายไปเรื่องหนึ่ง และนี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่าง…
เมื่อการจัดการสิ่งหนึ่งไปได้ดีนั่นคือการ “มีระเบียบ” ต่อสิ่งนั้น แต่ไม่ต่อเนื่องสิ่งดีก็หายไป หากทำเป็นประจำได้ นั่นคือ “วินัย” เรื่องนั้น ๆ ก็ไม่วกวนมาเป็นปัญหาอีก เราก็สามารถมุ่งหน้าพัฒนาสิ่งอื่นได้ต่อไป ไม่ต้อง “รบกับความไม่จำเป็น” เหมือนสมัยใฝ่หาแต่อิสระ บนความคิดขบถเพียงว่าทำไมต้องเช่นนั้นมัน “ไม่จำเป็น” มันก็อาจถูกในแรก ๆ หรือเพราะชีวิตยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก เลยอาจไม่จำเป็น แต่เมื่อชีวิตรับผิดชอบมากขึ้น ย่อมต้องมีเรื่องจัดการมากขึ้น เปรียบเป็นภาพง่าย ๆ ของที่น้อย ๆ ไม่จัดการอะไรก็ได้ ของมากขึ้นไม่จัดการมันก็มีแต่ยุ่งยากมากขึ้น และชีวิตผ่านไปก็ยิ่งมีแต่เรื่องมากขึ้น… นั่นคือสิ่งที่มีแต่ตัวเองมองเห็นได้..
ไม่เพียงแค่ปัญหา หรือความรับผิดชอบ “การจัดการความก้าวหน้า” ก็เช่นกัน ในวันที่อยากแค่อิสระเราย่อมไม่มีเป้าหมาย พอไม่มีเป้าหมายเราก็ไม่มีกรอบอะไรเลย แน่นอนล่ะถ้ามีกรอบจะอิสระได้อย่างไร แต่เชื่อว่าผู้ที่กำลังอ่านบทความนี้หลายคนผ่านอะไรมาจนเข้าใจมากพอที่จะรู้ว่า โอกาส ความรู้ ความสามารถ เราล้วนเคยมี เคยสัมผัส แต่ไม่ได้ฉกฉวย ต่อยอด ปล่อยผ่าน หากจัดการ “สะสม” ไว้ที่ละช่วง ทีละตอน หรือตัวอย่างง่าย ๆ “ตั้งใจเรียน” ผลลัพธ์เหล่านี้มาจากระเบียบ(การจัดการ) และวินัย ที่ต้องทำต่อเนื่องทั้งสิ้น เพราะแท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ในการที่จะกอบโกยทุกอย่างไปในคราวเดียวแล้วใช้ไปตลอดชีวิต ล้วนต้องสะสมจากวินัยทั้งสิ้น…
บทความนี้หากย้อนบอกตัวเองหรือใครในวัยที่อายุไม่มาก ก็อยากบอกให้มีระเบียบและวินัยกว่านี้ เราคงก้าวหน้ากว่านี้ไปแล้ว เพราะในตอนที่ไม่ต้องรับผิดชอบมาก การรีบจัดการหลายเรื่องไว้มันก็ไม่สร้างปัญหา รวมถึงคงสร้างสรรค์ สะสม สิ่งต่าง ๆ ไว้รองรับอนาคตได้ดี แต่การคิดอยากไปบอกตัวเองในอดีตนั้น.. มันเป็นไปไม่ได้ หลายปีที่ผ่านมาส่วนตัวแล้วก็ก้าวหน้าขึ้นมากจากระเบียบและวินัย แต่ในคนที่มีเวลามากกว่าบทความนี้ ก็จะได้ประโยชน์ไปมากกว่า ก้าวหน้าได้ดีกว่า…
ปล. ระเบียบวินัยในที่นี้ไม่ใช่เรื่อง ขนบธรรมเนียม กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ เสมอไป เพราะหลายเรื่อง “ไม่จำเป็น” ต้องตาม แต่ก็มากที่ “ไม่จำเป็น” ต้องขวาง ให้เสียเวลา อยู่ที่ว่า เป้าหมาย, ความรับผิดชอบ(ของเรา) มีแค่ไหน จะเสียเวลากับเรื่องไหนมากกว่ากัน…
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก Sirichaiwatt
Comentários