top of page
  • Facebook
ค้นหา

5 แนวคิดเปลี่ยน Mindset บอกลาอาการ Monday Blues (เกลียดวันจันทร์) ของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศ

  • psrwbiz
  • 22 มิ.ย. 2567
  • ยาว 3 นาที


คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมในช่วงวันอาทิตย์คุณจะมีความรู้สึกไม่อยากให้วันจันทร์ (วันพรุ่งนี้) เดินทางมาถึงหรืออยากให้เวลาในช่วงวันหยุดเดินช้า ๆ เพราะคุณเบื่อหน่ายกับการไปทำงานหรือเจออะไรที่แสนน่าเบื่อในวันจันทร์

จริง ๆ แล้วอาการแบบนี้มีชื่อเรียกว่า “Monday Blues” หรือภาษาไทยก็คืออาการเกลียดวันจันทร์ ซึ่งอาการลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะสามารถพบได้ในเหล่ามนุษย์ออฟฟิศได้มากกว่ากลุ่มวัยอื่น ๆ ถึงแม้ว่าอาจจะฟังดูเป็นเพียงแค่อาการเล็ก ๆ แต่เชื่อไหมว่าอาการ Monday Blues นั้นส่งผลเสียต่อร่างกายและการทำงานมากกว่าที่คุณคิด

ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหมดไฟในการทำงาน ขาดความมั่นใจและเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิต หรือถ้าปล่อยไว้นานขึ้นก็อาจนำไปสู่ภาวะของโรคซึมเศร้า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ร้ายแรงต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณมากขึ้นแล้ว

ดังนั้นในบทความนี้ The Growth Master จะพาทุกคนไปศึกษาเกี่ยวกับอาการเกลียดวันจันทร์ Monday Blues สัญญาณอันตรายของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศ พร้อมแชร์ 5 แนวคิดในการเปลี่ยน Mindset เพื่อขจัดอาการนั้นออกไปจากชีวิตภายใน 1 เดือน หากพร้อมแล้วไปติดตามกันต่อได้เลย


Monday Blues คืออะไร ?

Monday Blues คือความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากตื่นมาทำงานเมื่อวันจันทร์มาถึง เพียงแค่นึกถึงวันจันทร์ก็จะรู้สึกเศร้าหมอง เหนื่อยล้า เพราะปัญหาหลายอย่างทั้งปัญหาเรื่องการทำงาน เรื่องเพื่อนร่วมงาน เรื่องการใช้ชีวิตหรือปัญหาเล็กน้อยอื่น ๆ ที่คุณไม่อยากเผชิญหน้า

โดยอาการ Monday Blues นั้นเกิดขึ้นจากภาวะความเครียดในการทำงานสะสมแต่ละวัน จนตัวเราเริ่มมีความรู้สึกโหยหาถึงวันหยุดที่ไม่ต้องทำงาน รู้สึกว่าวันทำงาน คือวันที่ทำให้ชีวิตของคุณไม่มีความสุข และเราจะเริ่มสร้างความรู้สึกไม่อยากให้วันจันทร์ที่เป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์ของการทำงานมาถึง แค่คิดถึงกองงานที่ต้องทำในสัปดาห์นั้นก็รู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้ว จนบางคนถึงขั้นมีความรู้สึก “เกลียด” หรือ “กลัว” วันจันทร์ และลามไปถึงวันทำงานวันอื่น ๆ 


อาการ Monday Blues นั้นถือว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้อยู่บ่อยครั้งในคนที่ทำงานประจำหรือเหล่ามนุษย์ออฟฟิศทั้งหลาย และไม่ได้มีเพียงเฉพาะที่ไทยเท่านั้น เพราะเหล่ามนุษย์ออฟฟิศทั่วโลกต่างประสบปัญหานี้อยู่ไม่น้อย ตั้งแต่พนักงานที่ทำงานในออฟฟิศขนาดเล็กไปจนถึงระดับองค์กรขนาดใหญ่ จน Forbes ถึงขั้นยกอาการ Monday Blues ให้เป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมระดับโลก (Cultural Phenomenon) กันเลยทีเดียว


ผลกระทบของอาการ Monday Blues มีอะไรบ้าง ? 

แม้อาการ Monday Blues อาจฟังดูแล้วก็เป็นเหมือนแค่ความรู้สึกของการเกลียดวันจันทร์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นจริงแล้วสำหรับมนุษย์ออฟฟิศคนใดที่รู้ตัวว่าตัวเองมีอาการ Monday Blues อยู่ อาจทำให้คุณมีผลกระทบต่าง ๆ เกิดขึ้นต่อสภาพจิตใจดังนี้

  • ไม่มีความสุขในการทำงาน รู้สึกเบื่อหน่ายทุกครั้งเมื่อถึงวันจันทร์

  • ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน จนนำไปสู่ความผิดพลาดในการทำงานแต่ละชิ้น

  • เริ่มรู้สึกไม่อยากมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือลูกค้า จนไม่มีสังคมในที่ทำงาน

  • ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ขาดความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานแต่ละชิ้น เพราะจิตใจไม่อยู่กับการทำงาน

  • เฝ้ารอแต่วันหยุดหรือเวลาเลิกงาน มองนาฬิกาทั้งวัน 

  • จิตใจเปราะบางขึ้น มีความรู้สึกอ่อนไหวง่ายกว่าปกติ ร้องไห้คนเดียวบ่อย

  • หงุดหงิดง่ายขึ้น อารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา

  • รู้สึกหมดไฟในการทำงาน ซึ่งถือเป็นต้นเหตุสำคัญของการลาออก

ผลกระทบในด้านจิตใจเหล่านี้ก็ส่งผลต่อระดับการหลั่งฮอร์โมนของคุณทำให้ ฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) หลั่งออกมาเยอะและอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น อาการนอนไม่หลับ หลับยากกว่าปกติ, มีอาการปวดเมื่อยตามตัว, ปวดหัวบ่อยขึ้น ซึ่งในระยะยาวอาการเหล่านี้อาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงร้ายแรงที่เกี่ยวกับร่างกายและจิตใจ


ดยเฉพาะภัยร้าย (เงียบ) อย่างโรคซึมเศร้า ต้นเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากการฆ่าตัวตาย ซึ่งในประเทศไทย จากการสำรวจของกรมสุขภาพจิตพบว่า มีผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าทั้งหมด 1.5 ล้านคน ซึ่งพบจากวัยทำงานในกรุงเทพมหานครเยอะที่สุด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าวัยทำงานที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านั้นล้วนเริ่มต้นมีอาการ Monday Blues มาก่อน

ดังนั้นถ้าใครที่ขืนปล่อยความรู้สึกเกลียดหรือเบื่อหน่ายวันจันทร์ (Monday Blues) ให้อยู่ต่อไป ก็อาจไม่ใช่ผลดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราแน่ ๆ รวมถึงการทำงานในชีวิตประจำวันด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อเกิดอาการ Monday Blue แล้วเราจะต้องทนอยู่กับมันไปตลอด เพราะถ้าคุณได้ลองปรับเปลี่ยนแนวคิด เข้าใจปัญหาจริง ๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะช่วยให้คุณขจัดอาการของ Monday Blues ไปได้


มนุษย์ออฟฟิศควรรู้! 5 แนวคิดเปลี่ยน Mindset สู่คนใหม่บอกลาอาการ Monday Blues 

เพราะการยอมแพ้หรือลาออกเมื่อเรากำลังประสบอาการ Monday Blues อาจไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด ในหัวข้อนี้เราเลยจะมาแนะนำ 5 แนวคิดในการเปลี่ยน Mindset ผ่านการเข้าใจถึงรากของปัญหาและแก้ไขจากปัญหานั้น ให้คุณบอกลาอาการ Monday Blues ไปได้ภายใน 1 เดือน ดังนี้


1. ลองใช้ Tools ที่ทำให้การจัดระเบียบงานได้สะดวกและง่ายขึ้น

อาการ Monday Blues หรือความรู้สึกเกลียดวันจันทร์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่นั้น เชื่อว่าต้นกำเนิดของอาการนี้ล้วนมาจากความรู้สึกเชิงลบที่เกิดขึ้นในการทำงาน โดยเฉพาะ “ภาระงานที่เราต้องแบกรับเยอะเกินไป” จนเราจะมีความรู้สึกว่าวันจันทร์คือวันของการที่เราจะต้องมาเริ่มทำงานหนักเป็นวันแรกของสัปดาห์ (หรืออาจต้องเคลียร์ในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย) เปรียบเหมือนวันที่มีงานเยอะที่สุด แค่คิดก็รู้สึกเซ็งกับวันจันทร์ที่จะมาถึงแล้ว 

แต่ความเป็นจริง วันจันทร์อาจไม่ใช่วันที่งานเยอะที่สุดก็ได้ หากคุณมีการวางแผนทำงานของสัปดาห์ต่อไป ในทุก ๆ เย็นวันศุกร์ หรือการทำ To-Do Lists และมีตัวช่วยที่ถูกต้องในการทำให้การวางแผนงานในสัปดาห์ต่อไปสะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น

ภาพจาก infinity 

ซึ่งในการเริ่มวางแผนการทำงานในแต่ละสัปดาห์ (หรือแต่ละวัน) นั้นจริง ๆ แล้วคุณสามารถใช้เครื่องมือแบบออฟไลน์ทั่วไป เช่น สมุดแพลนเนอร์, สมุดโน๊ตทั่วไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพของการใช้เพียงแค่สมุดจดบันทึกอาจไม่ครบครันและเอื้อต่อการจัดการงานในแต่ละวันมากเท่าที่ควร

เราเลยอยากให้คุณได้ทดลองใช้สิ่งที่เรียกว่า Project Management Tools หรือซอฟต์แวร์ที่จะเข้ามาช่วยจัดระเบียบการทำงาน ให้คุณสามารถแบ่งงานในแต่ละวัน/สัปดาห์ได้อย่างชัดเจน เป็นการจัดระเบียบภาพรวมของการทำงาน ที่พิสูจน์มาแล้วเกือบ 5 ปีว่าช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้นจริง ซึ่งมีชื่อว่า ClickUp 


ภาพจาก ClickUp

ClickUp ถือว่าเป็นที่หนึ่งในเรื่องของลูกเล่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการการทำงานให้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะ เพราะตัวซอฟต์แวร์จะเน้นการปรับแต่งได้ตามใจชอบ ซึ่งจะทำให้คุณ (และทีมคนอื่นๆ) ทำงานได้อย่างสะดวกและเป็นระบบมากขึ้น เพื่อลดความหงุดหงิดในวันสุดสัปดาห์ที่คุณรู้สึกว่าคุณต้องทำหลายอย่างเอง และงานที่ไม่เป็นระบบระเบียบ 

เพื่อให้คุณเห็นภาพการทำงานที่ชัดขึ้น The Growth Master จะพาไปดูการใช้งาน ClickUp บางส่วน ไปอ่านกันได้

วางแผนจัดการงานบน ClickUp สะดวกอย่างไร? 

คุณสามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

  • เริ่มจากการตั้ง Task ต่าง ๆ ที่ต้องทำภายในสัปดาห์หน้าขึ้นมา โดยสามารถเลือกได้ว่าแต่ละ Task อยู่ในหมวดหมู่งานไหนจากทางซ้ายสุด (Spaces)

  • เมื่อสร้าง Task เสร็จก็จะปรากฎเป็นลิสต์ของ Task ที่สร้างไว้ทั้งหมด และความพิเศษอีกอย่างคือคุณสามารถเลือกว่าจะดูเป็นมุมมองแบบใด มีให้เลือกทั้ง:

◾List View (ดูแบบเป็น List เรียงลงมาตามในภาพด้านล่าง)

◾Board View (ดูแบบแบ่งตามสถานะของงาน เช่น อันไหน Complete แล้ว อันไหน In Progress)

◾Calendar View (ดูแบบปฏิทินที่จะเห็นได้ชัดว่าวันไหนมีงานอะไรบ้าง)

และ View แบบอื่น ๆ อีกมากมายตามแบบที่คุณสะดวก 

ภาพจาก ITSquad

นอกจากนี้เมื่อคลิกเข้าไปที่ Task แต่ละอันที่ตั้งไว้ คุณยังสามารถใส่รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับ Task นั้น ๆ ได้ด้วย 

  • สามารถสร้าง Chceklist ที่เป็นรายละเอียดยิบย่อยต่าง ๆ ของ Task

  • ตั้งว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับผิดชอบ​ Task มีใครบ้าง (Assignee) 

  • ตั้งวันกำหนดส่ง (Due Date) ที่ชัดเจน

  • ตั้งสถานะ (Status) ของ Task ได้ว่าตอนนี้งานดำเนินไปถึงในขั้นไหนแล้ว และตั้งระดับความเร่งด่วนของงาน (Priotiry) ได้อีกด้วย

  • หากแต่ละ Task มีความคืบหน้าใด ๆ จะมีการแจ้งเตือนให้คุณรู้ทันที 

ภาพจาก ClickUp 

จริง ๆ แล้ว ClickUp ยังมีฟีเจอร์สำหรับการจัดการการทำงานที่เยอะกว่านี้มาก ๆ โดยที่เราพูดถึงในบทความนี้จะเป็นเพียงแค่ภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการทำงานเท่านั้น แต่สำหรับใครที่อยากศึกษาหรืออยากรู้จักการทำงานของ ClickUp ที่จะเข้ามาช่วยทำให้คุณจัดระเบียบการทำงานได้ดีขึ้น สามารถอ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่บทความด้านล่างนี้เลย

2. ให้ความสำคัญกับ Work Life Balance

หลังจากที่คุณเริ่มวางแผน จัดระเบียบการทำงานให้เสร็จตั้งแต่เย็นวันศุกร์ หลังจากนั้นคือวันพักผ่อนของคุณครับ เริ่มต้นใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ให้คุ้มค่า พยายามหลีกเลี่ยงการเอางานกลับมาทำที่บ้านในช่วงวันหยุด หรืองดการเช็กอีเมล งดการติดต่อกับลูกค้าในวันหยุด (กรณีที่ไม่เร่งด่วนจริงๆ) เพราะพฤติกรรมแบบนี้จะทำให้คุณไม่สามารถแยกวันทำงานกับวันพักผ่อนออกจากกันได้ ส่งผลให้สมองของคุณจะคิดถึงเรื่องของการทำงานอยู่ตลอดในแต่ละวัน 

และเมื่อเจองานที่ปัญหาหรือข้อผิดพลาด ความเครียดต่าง ๆ ก็จะตามมาเป็นจุดกำเนิดของอาการ Monday Blues อย่างแท้จริง หรือถ้าคุณอยู่ในระดับของ Team Lead (หัวหน้างาน) ก็จะต้องส่งต่องานไปให้ทีมคนอื่น ๆ จัดการต่อซึ่งก็เป็นเหมือนการส่งงานไปให้พวกเขาทำในวันหยุดที่พวกเขาสมควรจะได้พักผ่อนหลังทำงานมาทั้งสัปดาห์ ถึงแม้ว่าตัวคุณจะรับได้กับการทำงานในวันหยุด แต่พนักงานในทีมอาจไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับคุณ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการลาออกของทีมก็เป็นได้

ดังนั้นเมื่อถึงวันหยุดหรือวันพักผ่อนจงปล่อยสมองให้ได้พักผ่อนจริง ๆ ใช้เวลาทำในสิ่งที่เป็นความสุขของตัวเอง เช่น ดูซีรีส์, ทำอาหาร, ออกกำลังกาย, เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เมื่อทั้งร่างกายและสมองคุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ก็เหมือนกับการชาร์จพลังงานให้กลับมาเตรียมพร้อมกับการทำงานในวันจันทร์ได้อย่างเต็มที่ แถมคุณอาจทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

TIPS : แนะนำตัวช่วยในการวางแผนตารางงาน เพื่อการทำงานอย่างมี Work Life Balance มากที่สุด ด้วยการใช้สมุดแพลนเนอร์ คอยจดบันทึกเรื่องที่ต้อง และเรื่องที่ต้องโฟกัสทุกวัน อย่าง The Growth Planner สมุดแพลนเนอร์จาก The Growth Master ที่จะช่วยทำให้คุณตั้งเป้าหมายในชีวิตคุณสามารถทำได้ทุกวัน เห็นผลทุกเดือน วิเคราะห์ได้ทั้งปี ให้การวางเป้าหมายของคุณทำได้สนุกและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม ในราคา 990 บาท ส่งฟรี กดที่รูปด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดได้เลย


3. แบ่งเวลาให้สมองได้พักผ่อนในแต่ละวันทำงาน

เมื่อวันจันทร์เดินทางมาถึงหลังจากที่คุณได้พักผ่อนมาอย่างเต็มที่ในวันหยุดรวมถึงมีการจัดระเบียบการทำงานอย่างเป็นระบบแล้ว คุณก็จะพร้อมต่อการทำงานในวันจันทร์รวมถึงวันอื่น ๆ ในสัปดาห์ ซึ่งในแต่ละวันทำงานที่ว่านั้น คุณต้องอย่าลืมแบ่งเวลางานในแต่ละวัน เพื่อพักผ่อนสมองด้วย

แม้หลายคนอาจมีความเชื่อว่า ถ้าต้องการสร้างงานที่มีผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องใช้เวลางานให้มากขึ้น ความจริงในการทำงานสมัยใหม่ ไม่ได้มองกันแค่ตรงนี้เสมอไป แต่การทำงานสมัยใหม่จะเชื่อว่า ถ้าต้องการสร้างงานที่มีผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องเกิดมาจากความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์ที่ดี” นั้นก็จะต้องเกิดมาจากการที่ตัวเราเองได้เวลาในการพักผ่อนสมองระหว่างวันทำงานไม่ว่าจะทำงานที่ออฟฟิศหรือ Work From Home ก็ตาม

โดยคุณอาจจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ในทุก ๆ 2 ชั่วโมงของวันทำงานในการแยกตัวออกมานั่งพักผ่อนที่มุมนั่งเล่นประจำออฟฟิศ, ลองเดินลงไปซื้อกาแฟที่ชั้นล่างของตึกที่ทำงาน, นั่งพักสายตาที่โต๊ะทำงานของคุณเอง (หรือมุมอื่น ๆ ในบ้านกรณีที่คุณ Work From Home) และอื่น ๆ 

การทำแบบนี้จะช่วยให้หัวสมองของคุณพักเบรคจากเรื่องงานเครียด ๆ ได้ลองคิดสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการทำงาน ซึ่งจะเป็จุดกำเนิดของไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ล้ำๆ ที่จะช่วยมาต่อยอดในการทำงานของคุณได้ หรือถ้าใครที่ไม่สะดวกจะทำตามวิธีที่เราได้แนะนำไป เพราะออฟฟิศแต่ละที่ก็อาจมีกฏระเบียบที่แตกต่างกันออกไป 

ในกรณีดังกล่าวคุณก็สามารถลองใช้วิธีที่เรียกว่า Pomodoro หรือเทคนิคการจัดเวลาทำงานอย่างชาญฉลาด ที่เปรียบเหมือนการซอยเวลาพักและเวลาทำงานออกเป็นช่วงย่อย ๆ หลาย ๆ ช่วง มี 5 ขั้นตอนดังนี้

1. เริ่มแพลนงานที่คุณต้องการทำให้เสร็จหรือ Task ที่คุณต้องทำในวัน/ครึ่งวันนี้

2. ทำการตั้งนาฬิกาจับเวลาไว้ที่ 25 นาที

3. โฟกัสกับงาน 100% ทำงานจนกว่านาฬิกาที่จับเวลาไว้จะดัง

4. นั่งพัก 5 นาที (ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ในช่วงพัก)

5. ทุก ๆ 4 รอบของการทำงาน ให้คุณเพิ่มเวลาพักนานขึ้น เป็นประมาณ 15-30 นาที


4. เปลี่ยนพฤติกรรมระหว่างการทำงาน

เพราะบางทีอาการ Monday Blues ที่เกิดขึ้นกับตัวคุณส่วนหนึ่งแม้อาจจะเกิดขึ้นจากภาระงานที่มากขึ้นในแต่ละวัน เจอแต่เรื่องวุ่น ๆ ชวนให้หัวร้อน หรือบางคนก็รู้สึกว่าทุกวันที่เข้ามาทำงานก็จะรู้สึกโดนดูดพลังงานไป จนเกิดความรู้สึกท้อแท้ และตามมาด้วยอาการ Monday Blues ในที่สุด

ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเกิดอาการ Monday Blues ได้ง่ายขึ้นอาจเกิดจากการที่คุณมีความรู้สึกเชิงลบจากการใช้ชีวิตมากเกินไป นำมาซึ่งความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้นมาปะปนกับที่ทำงาน จนเป็นบ่อเกิดของอาการเบื่อหน่ายกับการทำงาน ดังนั้นทางแก้ของปัญหานี้ก็ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนนั่นก็คือการเริ่มเปลี่ยน Mindset ของตัวเอง ให้เปิดรับพลังงานบวกเพิ่มมากขึ้น

เช่นจากปกติในเวลาทำงาน คุณอาจโฟกัสกับการทำงานมากเกินไป ไม่เปิดเพลง ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนใด ซึ่งทำให้คุณเกิดความรู้สึกเหมือนว่ากำลังทำงานอยู่คนเดียว ส่วนนี้แนะนำให้คุณลองเปลี่ยนพฤติกรรมระหว่างการทำงาน เช่น อาจจะเปิดเพลงคลอ ๆ ในหูฟังเบา ๆ ,ลองเปิด Podcast ที่เราชื่นชอบระหว่างทำงาน หรือในช่วงเวลาที่พักเบรคสั้น ๆ จากช่วงทำงานก็ลองหันหน้าไปคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้เคียง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน และผ่อนคลายจากความเครียดในการทำงานได้ด้วยนะ


5. ให้รางวัลตัวเองเมื่อวันจันทร์มาถึง เปลี่ยนให้วันจันทร์เป็นวันแห่งความสุข

อีกหนึ่งวิธีที่เราอยากแนะนำเพื่อทำให้คุณไม่กลัวกับการมาถึงของวันจันทร์ คือการเปลี่ยนให้วันจันทร์เป็นวันที่คุณรอคอยแทน ด้วยการให้รางวัลตัวเองในทุกวันจันทร์! 

เป็นเหมือนการสร้างแรงจูงใจให้คุณเฝ้ารอการมาถึงของวันจันทร์ และทำให้คุณมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานในวันนั้นให้เสร็จมากยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลาเลิกงานคุณก็จะได้พบกับของรางวัลต่าง ๆ ที่คุณจะมอบให้ตัวเอง เช่น คุณอาจจะลองให้รางวัลตัวเองด้วยขนม, กาแฟแก้วโปรด นัดเพื่อนมากินบุฟเฟต์อร่อย ๆ สักมื้อ ไปเดินเล่นช้อปปิ้งซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอง หรือเป็นวันออกกำลังกาย เล่นฟิตเนส โยคะ หลังเลิกงาน ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจแถมยังได้สุขภาพด้วย

หรืออาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินแก้ปัญหาเสมอไปก็ได้นะครับ เมื่อถึงเช้าวันจันทร์คุณอาจจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดโปรดหรือชุดที่เพิ่งซื้อมาก็ได้ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจกับตัวเองในการออกมาทำงานด้วย ซึ่งจะทำให้คุณมีความคิดเชิงบวกที่อยากจะออกมาทำงานมากขึ้นในแต่ละวัน วิธีนี้จะช่วยเปลี่ยนความคิดในการมาถึงของวันจันทร์ ให้มีความสุขขึ้นจากแต่ก่อนได้นะ


สรุปทั้งหมด

อย่างไรก็ตามวิธีทั้ง 5 ที่เราได้แนะนำคุณไปในบทความนี้ ความสำคัญไม่ได้อยู่ตรงที่คุณได้ทำตามวิธีของเราทั้งหมดหรือเปล่า แต่อันดับแรกคือการที่คุณเริ่มสำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นปัญหาในการทำงานของคุณ ลองสำรวจว่าปัญหานั้นต้นเหตุจริงนั้นเกิดมาจากอะไร และแก้ปัญหาด้วยความคิดเชิงบวกอยู่เสมอ

เพราะเราเชื่อว่าการที่คุณได้รับรู้ รับมือและเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นก็จะช่วยให้คุณห่างไกลจากอาการ Monday Blues และเปลี่ยนตัวคุณให้เป็นคนใหม่ที่รักในการพัฒนาตัวเอง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานแต่ละวันอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน


ขอขอบคุณบทความดีๆจาก The Grow Master

 
 
 

Comments


Shelfy Logo

ShelfyStore โรงงานผลิตชั้นวางของครบวงจร

ชั้นวางสินค้าราคาโรงงาน ขายส่ง ชั้นวางของ ชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นเก็บของ แร็ควางของ ชั้นวางของสําเร็จรูปshelf สินค้า ชั้นวางของในโกดัง ชั้นวางของหน้าร้าน รวมถึง ชั้นวางของในบ้าน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มาพร้อมบริการรับทำและออกแบบชั้นวางของตามสั่ง พร้อมบริการติดตั้งฟรี ในเขต กทม. และปริมณฑล

Group 1000004476.png
Group 1000004477.png
Group 1000004478.png
Group 1000004479.png

สาขารัชดา (สาขาหลัก)

90/1 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

โทร :

สาขาบางบอน

40 เอกชัย 25 หมู่ 10 แขวงบางขุนเทียน เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150

โทร :

สาขารังสิต

223 ถนนพหลโยธิน (ปากซอยพหลโยธิน 111 ใกล้แม็คโครังสิต) ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130

โทร :

สาขาศรีนครินทร์

417/1-2 ถนนศรีนครินทร์  ตำบลสำโรงเหนือ, อำเภอเมืองสมุทรปราการ, สมุทรปราการ 10270

โทร :

bottom of page