ในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จ ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มของผู้บริหารและบุคลากร อาจซ่อน "Imposter Syndrome" หรือ "กลุ่มอาการที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งจริง" มันคอยกัดกร่อนความเชื่อมั่นและศักยภาพของพวกเขาอยู่
Imposter Syndrome คืออะไร? มันเหมือนเสียงกระซิบในหัวที่คอยบอกว่า "คุณไม่เก่งจริง", "คุณแค่โชคดีเท่านั้นแหละ", "เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้ว่าคุณไม่ได้รู้จริง" ถึงแม้จะประสบความสำเร็จมากมาย แต่ผู้ที่เผชิญกับภาวะนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็น "นักต้มตุ๋น" ที่กำลังหลอกลวงคนอื่นอยู่
มันส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร?
1. ฉุดรั้งศักยภาพ
ความไม่เชื่อมั่นในตัวเองทำให้คนไม่กล้าเสี่ยง, ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น, ไม่กล้ารับผิดชอบงานที่ท้าทาย ส่งผลให้ธุรกิจพลาดโอกาสเติบโต
2. บั่นทอนความคิดสร้างสรรค์
ความกลัวว่าไอเดียจะถูกปฏิเสธหรือถูกหัวเราะเยาะ ทำให้คนไม่กล้าคิดนอกกรอบ ธุรกิจจึงขาดความแปลกใหม่และความได้เปรียบในการแข่งขัน
3. ทำลายบรรยากาศในการทำงาน
ความเครียดและความวิตกกังวลของผู้ที่เผชิญ Imposter Syndrome อาจส่งผลต่อการทำงานเป็นทีมและความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร
4. เพิ่มอัตราการลาออก
เมื่อความกดดันและความไม่มั่นคงในตัวเองมากเกินไป คนเก่งอาจตัดสินใจลาออกเพื่อหนีจากสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขารู้สึกแย่ ธุรกิจจึงสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า
จะรับมือกับ Imposter Syndrome อย่างไร?
ตระหนักรู้
สิ่งสำคัญคือการตระหนักว่าคุณกำลังเผชิญกับภาวะนี้ และเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความจริง
เปลี่ยนความคิด
ฝึกคิดบวกและมองเห็นคุณค่าในตัวเอง อย่ากลัวความผิดพลาด และเรียนรู้จากประสบการณ์
สร้างเครือข่าย
พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและกำลังใจ
พัฒนาตัวเอง
เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาทักษะอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง
Imposter Syndrome เป็นเหมือนศัตรูเงียบที่คอยบั่นทอนศักยภาพของธุรกิจ การตระหนักรู้และการรับมือกับมันอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนและประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง
ขอบคุณรูปภาพจาก Pinterest
และบทความดีๆจาก The Spider grow your star
תגובות