top of page
  • Facebook
ค้นหา

เลือกลูกค้าได้ดี มีกำไรมากขึ้นด้วย LTV(Customer Lifetime Value)

  • psrwbiz
  • 27 พ.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

ree

LTV คือรายได้ที่เราจะได้จากลูกค้าหนึ่งคนในตลอดช่วงเวลาที่เขาจะยังคงเป็นลูกค้าในธุรกิจของเรา ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์รถยนต์จะมีรายได้จากลูกค้า 1 รายในช่วงเวลา 15 ปี เป็นจำนวน 2 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการขายรถยนต์ บริการซ่อมบำรุง หรือการขายอะไหล่รถยนต์ LTV ของแบรนด์รถยนต์นี้จะมีรายได้จากลูกค้า 2 ล้านบาท

แล้วจะคำนวณ LTV ไปทำไม

• ทำให้เราเลือกลูกค้าที่ดีต่อธุรกิจของเราในระยะยาวได้ ถ้าหากเรารู้ว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่เราคำนวณแล้วเห็นว่ามี LTV มากที่สุด

• ทำให้เราสามารถเลือกปรับปรุงรูปแบบธุรกิจเพื่อการสร้างรายได้ให้มากขึ้นและเพื่อให้ลูกค้าอยู่กับแบรนด์ของเราได้นานขึ้น

• รู้กำไรในระยะยาวและสามารถกำหนดต้นทุนในการสร้างลูกค้าใหม่

วิธีการคำนวน LTV อย่างง่ายโดยเริ่มที่...

A. หาค่าเฉลี่ยรายได้จากลูกค้าแต่ละรายก่อน

โดยการนำรายได้ที่ได้จากลูกค้าทั้งหมดรวมกันและหารด้วยจำนวนของลูกค้า เช่น รายได้ทั้งหมดเท่ากับ 1,000 บาท จากลูกค้า 10 คน เราก็นำ 1,000 หารกับ 10 เท่ากับ 100

ดังนั้น ลูกค้าจ่ายเงินให้ธุรกิจของเราเฉลี่ยรายละ 100 บาท

B. หาค่าเฉลี่ยของจำนวนครั้งที่ซื้อของลูกค้าแต่ละรายในช่วงเวลา 1 สัปดาห์

ตัวอย่าง ลูกค้า 3 คน

คนที่ 1 ซื้อ 0.5 ครั้ง/สัปดาห์ คนที่ 2 ซื้อ 1 ครั้ง/สัปดาห์ คนที่ 3 ซื้อ 6 ครั้ง/สัปดาห์ เมื่อเอาจำนวนครั้งที่ซื้อมารวมกันและหารด้วยจำนวนลูกค้าทั้งหมดแล้วก็จะเท่ากับ 0.5 บวกกับ 1 บวกกับ 6 หารกับ 3 เท่ากับ 2.5

ดังนั้น ลูกค้าจ่ายเงินให้ธุรกิจของเราเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2.5 ครั้ง

C. หาค่าเฉลี่ยของยอดขายจากลูกค้าแต่ละรายในหนึ่งสัปดาห์

โดยการนำจำนวนครั้งที่ลูกค้าแต่ละรายใช้จ่ายกับเราคูณด้วยจำนวนเงินที่ซื้อ(ภายในหนึ่งสัปดาห์) หลังจากนั้นให้นำผลลัพธ์มาหารกับจำนวนลูกค้าทั้งหมด

ตัวอย่าง

ลูกค้าคนที่ 1 ใช้จ่าย 2 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเงิน 150 บาท เท่า (2 หารกับ 150 เท่ากับ 300) ลูกค้าใช้จ่าย 300 บาท/สัปดาห์

ลูกค้าคนที่ 2 ใช้จ่าย 3 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเงิน 70 บาท (3 หารกับ 70 เท่ากับ 210) ลูกค้าใช้จ่าย 210 บาท/สัปดาห์

ลูกค้าคนที่ 3 ใช้จ่าย 1 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเงิน 300 บาท (1 หารกับ 300 เท่ากับ 300) ลูกค้าใช้จ่าย 300 บาท/สัปดาห์

หลังจากนั้นนำผลลัพธ์ทั้งหมดมารวมกัน 300 บวกกับ 210 บวกกับ 300 เท่ากับ 810

แล้วหารด้วยจำนวนลูกค้าทั้งหมดก็จะเป็น 810 หารกับ 3 เท่ากับ 270

ก็แปลว่าลูกค้าจ่ายเงินให้ธุรกิจของเราเฉลี่ยสัปดาห์ละ 270 บาท

ขั้นตอนสุดท้าย 52(C)xT

นำ 52 คูณกับผลลัพท์ของข้อ C และนำไปคูณกับจำนวนปีที่ลูกค้าจะอยู่กับธุรกิจของเรา

เช่น (52 คูณกับ 270) คูณกับ 5(ปี) เท่ากับ 70,200 บาท

และนี่คือ LTV ของเรานั่นเอง

(ตัวเลข 52 คือจำนวนสัปดาห์ / 1 ปีมี 52 สัปดาห์)

หากมีคำถามหรือข้อโต้แย้งสามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนกันได้เลย! หากชอบคอนเทนต์แบบนี้ฝากกดแชร์เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่กำลังสนุกกับการทำธุรกิจแล้วเติบโตไปด้วยกัน

บทความนี้มีประโยชน์


มากน้อยเพียงใด ?


ขอขอบคุณบทความดีๆจาก The spider grow your star

 
 
 

ความคิดเห็น


Shelfy Logo

สาขารัชดา - เหม่งจ๋าย

(Shelfy's แบรนด์ช้อป)

สาขารัชดา - ถ.เทียมร่วมมิตร
(สาขาหลัก)

ShelfyStore โรงงานผลิตชั้นวางของครบวงจร

ชั้นวางสินค้าราคาโรงงาน ขายส่ง ชั้นวางของ ชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นเก็บของ แร็ควางของ ชั้นวางของสําเร็จรูปshelf สินค้า ชั้นวางของในโกดัง ชั้นวางของหน้าร้าน รวมถึง ชั้นวางของในบ้าน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มาพร้อมบริการรับทำและออกแบบชั้นวางของตามสั่ง พร้อมบริการติดตั้งฟรี ในเขต กทม. และปริมณฑล

เลขที่ 829, ห้อง 105, อาคาร ชนา ซิตี้ เรสซิเด้นซ์, ถนนประชาอุทิศ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

โทร :

90/1 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

โทร :

สาขาบางบอน

40 เอกชัย 25 หมู่ 10 แขวงบางขุนเทียน เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150

โทร :

สาขารังสิต

223 ถนนพหลโยธิน (ปากซอยพหลโยธิน 111 ใกล้แม็คโครังสิต) ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130

โทร :

สาขาศรีนครินทร์

417/1-2 ถนนศรีนครินทร์  ตำบลสำโรงเหนือ, อำเภอเมืองสมุทรปราการ, สมุทรปราการ 10270

โทร :

bottom of page